แผนธุรกิจผู้สูงอายุบริการเพื่อนคุยและพาทำกิจกรรม
ในสังคมสูงวัยที่จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการบริการดูแลที่ไม่ใช่การรักษาพยาบาลก็ทวีความสำคัญตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่ยังช่วยเหลือตนเองได้ แต่ต้องการเพื่อนคลายเหงา พาไปทำธุระ หรือช่วยเหลืองานบ้านเล็กน้อย ธุรกิจนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ด้วยต้นทุนเริ่มต้นที่ไม่สูงนัก เน้นการใช้เวลา ทักษะความสัมพันธ์ และความใส่ใจเป็นหลัก บริการนี้มีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ก็มีความท้าทายด้านความน่าเชื่อถือ กฎหมาย และการบริหารจัดการ บทความนี้จะเจาะลึกถึงแนวคิด จุดเด่น ต้นทุน แหล่งรายได้ ข้อกฎหมาย และศักยภาพของธุรกิจเพื่อนคู่คิดสำหรับผู้สูงวัยนี้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจที่สร้างคุณค่าและตอบโจทย์สังคม
แนวคิดและจุดเด่นธุรกิจผู้สูงอายุ
ธุรกิจนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่อาจอาศัยอยู่ตามลำพัง หรือบุตรหลานมีภาระหน้าที่การงานจนไม่มีเวลาดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ยังสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในระดับหนึ่ง บริการนี้จะเน้นไปที่การดูแลที่ไม่ใช่การรักษาพยาบาล (Non-medical care) เช่น การเป็นเพื่อนพูดคุยเพื่อคลายเหงา การอ่านหนังสือพิมพ์หรือหนังสือให้ฟัง การพาไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ การช่วยซื้อของใช้จำเป็นหรือจ่ายตลาด การพาไปพบแพทย์ตามนัดหมาย การช่วยเหลืองานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่หนักเกินไป หรือแม้แต่การสอนทักษะพื้นฐานในการใช้เทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน หรือแอปพลิเคชันง่ายๆ หัวใจสำคัญของธุรกิจนี้คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ความไว้วางใจ และความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยให้กับผู้สูงอายุและครอบครัว

ต้นทุนเริ่มต้นประมาณหนึ่งแสนบาท
- ค่าจดทะเบียนธุรกิจ: หากต้องการจดทะเบียนเป็นบุคคลธรรมดาหรือห้างหุ้นส่วน ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ประมาณ 1,000 – 5,000 บาท
- ค่าอบรม: หากไม่มีประสบการณ์ ควรเข้ารับการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุเบื้องต้น หรือทักษะที่เกี่ยวข้อง ค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 – 15,000 บาท (อาจมีหลักสูตรที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)
- ค่าตรวจสอบประวัติ: การตรวจสุขภาพและขอใบรับรองความประพฤติ (ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม) เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 – 2,000 บาท
- ค่าทำการตลาดเบื้องต้น: ออกแบบและพิมพ์นามบัตร, โบชัวร์แนะนำบริการ, สร้างเพจ Facebook หรือโปรไฟล์ออนไลน์ง่ายๆ ประมาณ 2,000 – 5,000 บาท
- ค่าเดินทาง: สำหรับการเดินทางไปพบลูกค้าหรือให้บริการในช่วงแรก ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท
- อุปกรณ์สื่อสาร: โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟน พร้อมแพ็คเกจอินเทอร์เน็ต (ส่วนใหญ่มักมีอยู่แล้ว)
- เงินทุนหมุนเวียน: สำรองไว้สำหรับค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท
- รวมโดยประมาณ: 32,000 – 82,000 บาท ถือเป็นธุรกิจที่ใช้ “เวลา” “ทักษะความสัมพันธ์” และ “ความใส่ใจ” เป็นต้นทุนหลัก ทำให้ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นต่ำมาก
แหล่งรายได้และประมาณการกำไร
- รายได้หลักมาจากการคิดค่าบริการตามระยะเวลาที่ให้บริการ อาจคิดเป็นรายชั่วโมง อัตราเริ่มต้นอาจอยู่ที่ 300 บาทขึ้นไปต่อชั่วโมง รายวันประมาณ 700 – 1,800 บาทขึ้นไปต่อวัน ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและระยะเวลา หรือคิดเป็นแพ็คเกจรายสัปดาห์หรือรายเดือนสำหรับลูกค้าประจำ
- เนื่องจากต้นทุนดำเนินงานประจำค่อนข้างต่ำ (ส่วนใหญ่เป็นค่าเดินทางและค่าโทรศัพท์/อินเทอร์เน็ต) กำไรส่วนใหญ่จึงมาจากค่าบริการที่ได้รับ หักด้วยค่าใช้จ่ายดังกล่าวและภาษี กำไรจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงทำงานที่หาได้และอัตราค่าบริการที่ตั้งไว้
ระดับการแข่งขัน
ตลาดบริการดูแลผู้สูงอายุโดยรวมกำลังเติบโตและมีผู้ให้บริการเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจประเภทอื่น การแข่งขันในกลุ่มบริการเพื่อนคุยหรือพาทำธุระแบบไม่เป็นทางการอาจยังไม่สูงเท่า และความต้องการมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามจำนวนผู้สูงอายุ การแข่งขันอาจมาจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ให้บริการนอกสถานที่ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จัดหาผู้ดูแล อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขนาดเล็กที่เน้นความเป็นกันเอง ความยืดหยุ่น และการสร้างความสัมพันธ์เฉพาะบุคคลกับลูกค้า ยังคงมีโอกาสในการเติบโต
ข้อกำหนดทางกฎหมาย/ใบอนุญาต
- สถานะทางกฎหมายยังมีความซับซ้อนและอาจไม่ชัดเจน: ในอดีต กิจการดูแลผู้สูงอายุที่ไม่ใช่สถานพยาบาลและให้บริการ ณ บ้านผู้รับบริการ อาจไม่มีข้อกำหนดด้านใบอนุญาตที่เข้มงวดนัก
- กฎหมายสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ: พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องซึ่งออกตามมาในปี 2563 ได้กำหนดให้ “กิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง” ถือเป็นกิจการอื่นในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ซึ่งโดยหลักการแล้ว ต้องมีการขออนุญาตประกอบกิจการ จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข และผู้ให้บริการเองก็อาจต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดและขึ้นทะเบียน
- การตีความสำหรับบริการที่บ้าน: ยังไม่มีความชัดเจนทางกฎหมายที่แน่ชัด 100% ว่า บริการดูแลผู้สูงอายุ “ที่บ้านของผู้รับบริการ” ซึ่งดำเนินการโดยบุคคลธรรมดาหรือธุรกิจขนาดเล็กมากๆ ที่ไม่ได้มีลักษณะเป็น “สถานประกอบการ” ที่มีสถานที่ตั้งชัดเจน จะเข้าข่ายอยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ และต้องขออนุญาตตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ (ข้อมูลจาก ไม่ได้ให้คำตอบโดยตรงสำหรับโมเดลธุรกิจนี้) มีรายงานว่ากิจการดูแลผู้สูงอายุจำนวนมากยังไม่ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนตามกฎหมายใหม่
- กฎหมายท้องถิ่น: นอกจากกฎหมายระดับประเทศแล้ว บางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาล/อบต.) อาจมีการออกเทศบัญญัติหรือข้อบัญญัติเพื่อควบคุม “กิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการ” โดยเฉพาะ ซึ่งอาจกำหนดให้ต้องขอใบอนุญาตและเสียค่าธรรมเนียมรายปี (ตัวอย่าง เทศบาลเมืองบางกรวย กำหนดค่าธรรมเนียม 5,000 บาทต่อปี)
- คำแนะนำ: เนื่องจากความไม่ชัดเจนและความซับซ้อนของข้อกฎหมาย ผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจนี้ควรดำเนินการติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด/อำเภอ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ที่จะให้บริการ เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนด คุณสมบัติ และใบอนุญาตที่จำเป็นสำหรับรูปแบบบริการ “เพื่อนคุย/พาผู้สูงอายุทำธุระ ณ บ้านผู้รับบริการ” โดยเฉพาะ (แม้จะแนะนำให้ติดต่อกรมกิจการผู้สูงอายุ แต่ สบส. น่าจะเป็นหน่วยงานที่ให้ข้อมูลเรื่องใบอนุญาตได้ตรงประเด็นกว่า)
ศักยภาพในอนาคต
ธุรกิจนี้มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก สอดคล้องกับโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบการสามารถขยายขอบเขตบริการ เช่น เพิ่มบริการดูแลหลังผ่าตัดเบื้องต้น หากผ่านการอบรมเพิ่มเติม สร้างทีมงานหรือเครือข่ายผู้ให้บริการ ซึ่งอาจทำให้ต้องดำเนินการขออนุญาตตามกฎหมายสถานประกอบการเพื่อสุขภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น สร้างความร่วมมือกับโรงพยาบาล คลินิก หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุอื่นๆ ในการส่งต่อลูกค้า หรือพัฒนาบริการเสริมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
ความท้าทายและความเสี่ยง
การแข่งขันที่สูงในตลาด การสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับผู้เรียน ความท้าทายในการทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ การรักษาความสม่ำเสมอในการสอนหรือการผลิตเนื้อหาใหม่ๆ การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ และการวัดผลความสำเร็จของผู้เรียนเพื่อนำมาปรับปรุง

แนวทางความสำเร็จ
การสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้สูงอายุและครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น ต้องมีแผนการติดต่อหรือส่งต่อที่ชัดเจน การบริหารจัดการตารางเวลาและการเดินทาง ความเหนื่อยล้าทางอารมณ์จากการดูแลผู้สูงอายุ ความไม่แน่นอนของข้อกฎหมายและข้อกำหนดด้านใบอนุญาต และความท้าทายในการหาลูกค้าในช่วงเริ่มต้น
กุญแจความสำเร็จ
มีช่องว่างที่สำคัญในตลาดสำหรับผู้สูงอายุกลุ่ม “ติดสังคม” ซึ่งหมายถึงผู้สูงอายุที่ร่างกายยังแข็งแรงพอสมควร แต่มีความต้องการด้านสังคม ต้องการกิจกรรมทำ หรือต้องการเพื่อนแก้เหงา มากกว่าที่จะต้องการการดูแลทางการแพทย์อย่างเข้มข้น บริการทางการแพทย์หรือศูนย์ดูแลเต็มรูปแบบอาจเกินความจำเป็นและมีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับผู้สูงอายุกลุ่มนี้ ดังนั้น บริการเพื่อนคุยหรือพาทำธุระ (Companion Service) ที่เน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การทำกิจกรรมร่วมกัน และการให้ความช่วยเหลือทั่วไปในชีวิตประจำวัน จึงน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี การวางตำแหน่งทางธุรกิจให้เป็น “ผู้ช่วยสร้างเสริมคุณภาพชีวิต” หรือ “เพื่อนคู่คิดสำหรับผู้สูงวัย” อาจช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ได้ดีกว่าการเน้นย้ำเพียงแค่ “การดูแล” และอาจมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องตรวจสอบข้อกฎหมายให้แน่ชัด
บทความแนะนำ :