ค่าครองชีพพุ่ง ทางรอดวิกฤตเศรษฐกิจ 68 ลดหนี้ สร้างรายได้ วางแผนการเงิน
Share

ค่าครองชีพพุ่ง ทางรอดวิกฤตเศรษฐกิจปี 68 ลดหนี้ สร้างรายได้ วางแผนการเงิน

รับมือค่าครองชีพสูง-เงินเฟ้อติดลบปี 2568! ค้นพบวิธีลดค่าใช้จ่าย สร้างรายได้เสริม บริหารหนี้ และวางแผนการเงินฉุกเฉิน เพื่อความมั่นคงในยุคเศรษฐกิจผันผวน

ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังคงมีความผันผวนสูง การทำความเข้าใจและวางแผนรับมือกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะเจาะลึกถึงประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับค่าครองชีพ วิกฤตเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และแนวทางปฏิบัติเพื่อช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการการเงินและเอาตัวรอดในยุคที่ท้าทายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ค่าครองชีพพุ่ง ทางรอดวิกฤตเศรษฐกิจ 68 ลดหนี้ สร้างรายได้ วางแผนการเงิน

ทำความเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 ค่าครองชีพ เงินเฟ้อ และหนี้ครัวเรือน

ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน: โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 21,027 – 21,069 บาทต่อเดือน ข้อมูลล่าสุดในเดือนมีนาคม 2568 ชี้ว่าค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มมีสัดส่วนที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าและบริการอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน

เงินเฟ้อ (หรือภาวะเงินฝืดเล็กน้อย): แม้ว่าคำว่า “เงินเฟ้อ” จะถูกพูดถึงบ่อยครั้ง แต่ในเดือนพฤษภาคม 2568 ประเทศไทยกลับเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อติดลบที่ -0.57% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง สาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาน้ำมันโลกและราคาค่าไฟฟ้า รวมถึงราคาผักสดที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงพาณิชย์ยังไม่ถือว่าเป็น “เงินฝืด” เต็มตัว เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ที่ไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงานยังคงเป็นบวกที่ 1.09% การที่เงินเฟ้อติดลบในระยะยาวอาจส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะกระทบต่อการผลิตและอาจนำไปสู่การว่างงานได้

วิกฤตเศรษฐกิจ: ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของหลายสำนักปรับลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.3-2.3% ปัจจัยหลักมาจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัว รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ หนี้ครัวเรือนของไทยยังคงสูงถึง 16.2-16.42 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 88.4% ของ GDP ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจ

สาเหตุและผลกระทบที่คุณควรรู้

  • ค่าใช้จ่ายในชีวิตปะจำวันสูงขึ้นเกิดจากอะไร: ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันและพลังงานที่ผันผวน ต้นทุนการขนส่งและการผลิตที่สูงขึ้น การขาดแคลนสินค้าในบางช่วงเวลา และพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การใช้จ่ายในสิ่งฟุ่มเฟือยมากขึ้นในบางกลุ่มคน
  • ผลกระทบจากเงินเฟ้อ (หรือภาวะราคาแพงในบางหมวด): แม้ตัวเลขเงินเฟ้อรวมจะติดลบ แต่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคบางประเภท เช่น อาหารสดบางชนิด (หมู ไก่ ไข่ อาหารทะเล) และค่าเดินทางยังคงปรับตัวสูงขึ้น ทำให้หลายคนยังรู้สึกว่าของแพงอยู่ดี ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงและคนมีเงินเหลือใช้ลดลง
  • ค่าไฟแพง ค่าน้ำมันแพง: แม้จะมีนโยบายตรึงราคาหรือลดราคาในบางช่วง แต่ต้นทุนค่าไฟฟ้ายังคงได้รับผลกระทบจากโครงสร้างการผลิตและข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่ไม่ยืดหยุ่น ส่วนค่าน้ำมันยังคงผันผวนตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันของภาครัฐก็มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้น
  • หนี้ครัวเรือนพุ่ง: ระดับหนี้ที่สูงส่งผลให้คนไทยจำนวนมากต้องจัดสรรรายได้ส่วนใหญ่ไปกับการชำระหนี้ แทนที่จะนำไปใช้จ่ายหรือออมเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว หลายครัวเรือนมีเงินออมไม่เพียงพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
  • เงินเดือนไม่พอใช้: ปัญหาเงินเดือนไม่พอใช้เป็นผลรวมของหลายปัจจัย ทั้งค่าครองชีพที่สูงขึ้น หนี้สินที่รัดตัว และพฤติกรรมการใช้จ่ายเกินตัว รวมถึงความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่ทำให้รายได้ไม่เติบโตตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ค่าครองชีพพุ่ง ทางรอดวิกฤตเศรษฐกิจ 68 ลดหนี้ สร้างรายได้ วางแผนการเงิน
การปรับตัวและวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

แนวทางแก้ไขและคำแนะนำ วิธีเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจผันผวน

1. ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

  • ประหยัดเงินค่าอาหาร: ลองทำอาหารทานเองที่บ้านบ่อยขึ้น วางแผนเมนูและซื้อวัตถุดิบเท่าที่จำเป็น ซื้อของสดตามฤดูกาลและพิจารณาซื้อในตลาดสดที่ราคาถูกกว่าซูเปอร์มาร์เก็ต ลดการทานข้าวนอกบ้านหรือสั่งเดลิเวอรี่ที่ไม่จำเป็น
  • เทคนิคประหยัดน้ำไฟที่บ้าน: ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศาเซลเซียส เปิดพัดลมช่วย ระบายความร้อนออกจากบ้าน ปิดไฟและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ และตรวจสอบรอยรั่วซึมของท่อน้ำ
  • สูตรประหยัดเงิน คนไทย: ใช้หลัก 50/30/20 (50% สำหรับสิ่งจำเป็น, 30% สำหรับสิ่งต้องการ, 20% สำหรับการออมและการลงทุน) จดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ จัดทำงบประมาณรายเดือน และลดการซื้อของที่ไม่จำเป็น

2. สร้างรายได้เสริม

  • สร้างรายได้เสริมออนไลน์ ไม่ต้องลงทุน: พิจารณาทำงานฟรีแลนซ์ เช่น รับเขียนบทความ ทำกราฟิก ออกแบบ ตัดต่อวิดีโอ หรือเป็นผู้ช่วยเสมือนจริง ลองเป็นตัวแทนขายสินค้าออนไลน์แบบไม่ต้องสต็อกของ (Dropshipping) หรือทำ Affiliate Marketing รีวิวสินค้าและบริการเพื่อรับค่าคอมมิชชัน สร้างสรรค์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อรับส่วนแบ่งรายได้ หรือสอนออนไลน์ในวิชาที่คุณถนัด
  • อาชีพเสริมหลังเลิกงาน รายได้ดี: การขับรถส่งคนหรือส่งอาหาร (เช่น Grab, Lineman) เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยม หรือหากมีทักษะเฉพาะทาง ลองรับงานสอนพิเศษ รับถ่ายภาพ รับทำบัญชี หรือเปิดร้านค้าออนไลน์เล็ก ๆ

3. ลงทุนอย่างชาญฉลาด

  • ลงทุนอะไรดีในภาวะเงินเฟ้อต่ำ: แม้เงินเฟ้อจะติดลบ แต่การลงทุนยังคงจำเป็นสำหรับการรักษามูลค่าเงินในระยะยาว พิจารณาลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตที่ดี และมีอำนาจในการกำหนดราคา เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน หรือกลุ่มดูแลสุขภาพ หรือลงทุนในกองทุนรวมที่กระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทองคำและอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในระยะยาว สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย สลากออมทรัพย์ของธนาคารภาครัฐอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการฝากเงินธรรมดา

4. แก้หนี้และวางแผนการเงิน

  • กู้เงินแก้หนี้ ดอกเบี้ยต่ำ: หากมีหนี้หลายก้อน ลองปรึกษาสถาบันการเงินเพื่อรวมหนี้เป็นก้อนเดียว (Debt Consolidation) เพื่อให้บริหารจัดการง่ายขึ้นและได้ดอกเบี้ยที่ต่ำลง พิจารณาสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคารพาณิชย์ หรือหากมีสินทรัพย์ เช่น รถยนต์ หรือโฉนดที่ดิน อาจใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเพื่อได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง
  • ลดหนี้บัตรเครดิต ทำยังไง: พยายามชำระหนี้บัตรเครดิตให้เต็มจำนวน หรืออย่างน้อยให้เกินยอดขั้นต่ำ หากมีหลายใบ ให้ชำระใบที่มียอดดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน หากติดขัด ลองเจรจากับธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ หรือพักชำระหนี้
  • วางแผนการเงินฉุกเฉิน: สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสำรองเงินฉุกเฉินให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย 3-6 เดือน หรืออาจจะถึง 12 เดือน หากคุณมีภาระค่าใช้จ่ายสูง เพื่อให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การตกงาน หรือเจ็บป่วย
  • วางแผนเกษียณในยุคค่าครองชีพสูง: เริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างสม่ำเสมอผ่านการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่นอกจากจะช่วยลดหย่อนภาษีแล้ว ยังช่วยให้เงินเติบโตได้ในระยะยาว

เครื่องมือและวิธีปรับตัวเพื่อเอาตัวรอด

  • แอพพลิเคชันช่วยบริหารเงิน: ใช้แอปพลิเคชันอย่าง Metang, Set Happy Money, Household หรือ Money Lover เพื่อช่วยบันทึกรายรับรายจ่าย จัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เงิน และตั้งงบประมาณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมทางการเงินได้ชัดเจนขึ้น
  • แหล่งเงินกู้ฉุกเฉิน ดอกเบี้ยถูก: นอกจากธนาคารพาณิชย์แล้ว สถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ อาจมีโครงการสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือสินเชื่อเพื่อแก้หนี้นอกระบบ
  • วิธีปรับตัวในภาวะเศรษฐกิจถดถอย: เน้นความยืดหยุ่นและการปรับตัว หมั่นพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานหรือสร้างรายได้เสริม ลดความเสี่ยงทางการเงินโดยการกระจายการลงทุน และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือยเกินตัว

การเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจ การวางแผนที่ดี และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายและการออม คุณจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ และสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

เรื่องโดย

  • นักเขียนสายเศรษฐศาสตร์ที่เชื่อมโยงแนวโน้มโลกกับชีวิตประจำวันได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงินดิจิทัล การปรับตัวในยุคเศรษฐกิจใหม่ หรือบทบาทของเทคโนโลยีในสังคม เน้นการนำเสนอวิธีการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลง