ธุรกิจอาหารสุขภาพ 0
Share

แผนธุรกิจอาหารสุขภาพและอาหารคลีนโฮมเมดเดลิเวอรี่

ธุรกิจอาหารสุขภาพและคลีนเดลิเวอรี่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยเริ่มต้นด้วยต้นทุนประมาณ 100,000 บาท และเน้นขายผ่านแอปฯ เดลิเวอรี่หรือโซเชียลมีเดีย การแข่งขันสูงแต่ยังมีโอกาสสำหรับธุรกิจที่สร้างจุดเด่นและคุณภาพ ธุรกิจต้องปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อความยั่งยืน พร้อมพัฒนาเมนูและฐานลูกค้าเพื่อเติบโตในระยะยาว.

แนวคิดและจุดเด่นธุรกิจอาหารสุขภาพ

ธุรกิจนี้ตอบโจทย์กระแสความใส่ใจสุขภาพที่กำลังมาแรง ควบคู่ไปกับความต้องการความสะดวกสบายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน จุดเด่นคือการนำเสนออาหารปรุงสดใหม่จากครัวที่บ้าน ส่งตรงถึงลูกค้าผ่านบริการเดลิเวอรี่ โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (Niche Market) เช่น กลุ่มคนทำงานที่ต้องการอาหารกลางวันเพื่อสุขภาพ, ผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก, ผู้ป่วยที่ต้องการอาหารเฉพาะโรคตามคำแนะนำของแพทย์, หรือกลุ่มผู้บริโภคที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร เช่น มังสวิรัติ วีแกน หรือแพ้อาหารบางชนิด การสร้างความแตกต่างสามารถทำได้ผ่านเมนูที่ไม่เหมือนใคร การคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี มีแหล่งที่มาน่าเชื่อถือ การนำเสนอในรูปแบบคอร์สอาหารรายสัปดาห์หรือรายเดือน หรือการให้ข้อมูลโภชนาการที่ชัดเจน

ธุรกิจอาหารสุขภาพ
ธุรกิจเล็กๆ เริ่มต้นจากครัวที่บ้าน และความรู้ในการปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

ต้นทุนเริ่มต้นประมาณหนึ่งแสนบาท

  • อุปกรณ์ทำครัว: หากมีอยู่แล้วจะช่วยลดต้นทุนได้มาก หากต้องซื้อใหม่ อาจอยู่ในช่วง 10,000 – 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวน
  • วัตถุดิบเริ่มต้น: ประมาณ 10,000 – 20,000 บาท สำหรับการเริ่มผลิตล็อตแรกๆ
  • บรรจุภัณฑ์: กล่องอาหาร ถุง ช้อนส้อมพลาสติกชีวภาพ (ถ้าต้องการ) ประมาณ 5,000 – 10,000 บาท
  • ค่าการตลาดออนไลน์: สร้างเพจ Facebook/Instagram, ถ่ายรูปอาหารสวยๆ โปรโมทเบื้องต้น อาจใช้ประมาณ 5,000 – 15,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม (GP): ไม่ใช่ต้นทุนเริ่มต้น แต่เป็นต้นทุนแฝงที่ต้องคำนวณเข้าไปในราคาขาย อาจสูงถึง 30-32% หากเลือกใช้ช่องทางขายตรงผ่านโซเชียลมีเดียจะลดต้นทุนส่วนนี้ได้
  • ค่าใช้จ่ายหมุนเวียนอื่นๆ: ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าเดินทางไปซื้อวัตถุดิบ ประมาณ 5,000 – 10,000 บาทต่อเดือน
  • เงินทุนหมุนเวียน: สำรองไว้สำหรับซื้อวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 20,000 – 30,000 บาท

รวมโดยประมาณ

ประมาณการรายได้ต่อเดือน 55,000 – 115,000 บาท ตัวเลขนี้สามารถปรับลดลงได้มากหากเริ่มต้นขนาดเล็ก ใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ และเน้นขายผ่านช่องทางของตัวเองก่อน

แหล่งรายได้และประมาณการกำไร

  • รายได้หลักมาจากการขายอาหารผ่านแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่ เช่น GrabFood, LINE MAN, foodpanda หรือผ่านช่องทางของตัวเอง เช่น Facebook Page, LINE Official Account
  • การตั้งราคาขายมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องคำนวณให้ครอบคลุมต้นทุนวัตถุดิบ (ซึ่งควรควบคุมให้อยู่ราว 35% ของราคาขาย), ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าธรรมเนียม GP ของแอปฯ (หากใช้) ค่าแรงแฝงของตนเอง และกำไรที่ต้องการ สูตรการตั้งราคาสำหรับเดลิเวอรี่ที่แนะนำคือ ราคาหน้าร้าน (หรือต้นทุนรวมกำไรที่ต้องการ) คูณด้วย 1.48 เพื่อชดเชยค่า GP
  • กำไรในช่วงเริ่มต้นอาจไม่สูงนัก โดยเฉพาะหากพึ่งพาแอปฯ เดลิเวอรี่เป็นหลัก เนื่องจากค่า GP ที่สูง แต่ธุรกิจมีศักยภาพในการทำกำไรและเติบโตได้ หากสามารถสร้างฐานลูกค้าประจำได้สำเร็จ ควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก มีรายงานว่าร้านอาหารขนาดเล็กที่ทำเดลิเวอรี่สามารถสร้างยอดขายได้ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาทต่อเดือน แต่ต้องหักค่าใช้จ่ายและต้นทุนต่างๆ ออกไป

ระดับการแข่งขัน

ตลาดอาหารเดลิเวอรี่มีการแข่งขันที่สูงมาก ทั้งจากร้านอาหารทั่วไปที่หันมาทำเดลิเวอรี่ และร้านอาหารเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีช่องว่างสำหรับผู้เล่นรายใหม่ที่สามารถหา Niche Market ที่เฉพาะเจาะจงมากๆ และสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านเมนู คุณภาพ หรือบริการ

ข้อกำหนดทางกฎหมาย/ใบอนุญาต

  • ใบอนุญาต อย.: สำหรับอาหารปรุงสดใหม่ตามออเดอร์ที่ทำจากบ้านและส่งเดลิเวอรี่ทันที โดยไม่ได้บรรจุในภาชนะปิดสนิท อาจไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หากสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน (คือ ไม่ได้ใช้เครื่องจักรเกิน 50 แรงม้า หรือจ้างคนงานเกิน 50 คน) และไม่ได้เป็นการผลิตเพื่อขายส่งต่อให้ผู้อื่นนำไปจำหน่าย
  • สุขลักษณะตามกฎหมายสาธารณสุข: ผู้ประกอบการ จำเป็นต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร ซึ่งรวมถึงความสะอาดของสถานที่ปรุงและอุปกรณ์ การเก็บรักษาวัตถุดิบอย่างเหมาะสม การใช้ภาชนะที่สะอาดปลอดภัย และสุขอนามัยของผู้สัมผัสอาหาร
  • ใบอนุญาต/หนังสือรับรองการแจ้งจากท้องถิ่น: กฎหมายสาธารณสุขกำหนดให้ “สถานที่จำหน่ายอาหาร” (ซึ่งตีความรวมถึงการประกอบอาหารเพื่อจำหน่าย แม้จะทำจากที่บ้านและไม่มีหน้าร้าน) ต้องดำเนินการขอใบอนุญาต หรือทำหนังสือรับรองการแจ้ง ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น (เทศบาล หรือ องค์การบริหารส่วนตำบล) ในเขตพื้นที่นั้นๆ โดยอาจมีค่าธรรมเนียมรายปี (ไม่เกิน 1,000 บาท สำหรับพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตร) และต้องผ่านการตรวจสอบด้านสุขลักษณะตามเกณฑ์ที่กำหนด
  • ข้อควรระวัง: การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการขออนุญาตสำหรับผู้ประกอบการอาหารโฮมเมดออนไลน์รายย่อยยังอาจมีความแตกต่างกันในทางปฏิบัติ ดังนั้น แนะนำอย่างยิ่งให้ผู้ประกอบการติดต่อสอบถามโดยตรง กับหน่วยงานสาธารณสุขในท้องถิ่นของตนเอง (เทศบาล/อบต.) เพื่อขอข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับข้อกำหนดและขั้นตอนการขออนุญาตที่จำเป็น

ศักยภาพในอนาคต

ธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตได้ดีตามกระแสความใส่ใจสุขภาพ ผู้ประกอบการสามารถขยายกิจการได้โดยการเพิ่มเมนูให้หลากหลาย, ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ, สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งผ่านช่องทางออนไลน์, หรือพัฒนาต่อยอดเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ขนาดเล็กในอนาคต

ความท้าทายและความเสี่ยง

การแข่งขันที่รุนแรง ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ การบริหารจัดการค่า GP ที่สูงของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ การรักษามาตรฐานคุณภาพและความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ การสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และความท้าทายในการทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางความสำเร็จ

สร้างจุดเด่นและเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ชัดเจน เน้นคุณภาพวัตถุดิบและความสะอาดเป็นสำคัญ ใช้โซเชียลมีเดียสร้างความสัมพันธ์และฐานลูกค้าโดยตรงเพื่อลดการพึ่งพาแอปฯ จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่น่าสนใจ บริหารจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวด และพิจารณาใช้ช่องทางการขายของตัวเอง (เช่น เว็บไซต์ LINE OA) ควบคู่ไปกับการใช้แอปฯ เดลิเวอรี่

กุญแจความสำเร็จ

ความสำเร็จของธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่โฮมเมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับฝีมือการทำอาหารที่อร่อยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยทักษะด้าน “การบริหารจัดการ” และ “การตลาด” ที่แข็งแกร่งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคำนวณและควบคุมต้นทุนอย่างแม่นยำ เพื่อรับมือกับต้นทุนแฝง โดยเฉพาะค่า GP จากแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ หากตั้งราคาไม่เหมาะสมหรือบริหารต้นทุนผิดพลาด อาจนำไปสู่การขาดทุนได้ง่าย ดังนั้น การทำการตลาดผ่านช่องทางของตัวเองเพื่อสร้างฐานลูกค้าประจำและลดการพึ่งพาแอปฯ ควบคู่ไปกับการมีความรู้ความเข้าใจด้านการคำนวณต้นทุนและการตลาดออนไลน์ จึงเป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้ทักษะการทำอาหาร

ธุรกิจอาหารสุขภาพ

ช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ

บทความแนะนำ : โอกาสเริ่มต้นธุรกิจทุนน้อยไม่เกิน 100,000 บาท ในยุคเศรษฐกิจไทยชลอตัว

เรื่องโดย

  • นักเขียนคอลัมนิสต์ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ SME ด้วยประสบการณ์สูง บทความเจาะลึกกลยุทธ์ การเงิน ทีมงาน และเทคโนโลยี สำหรับ SMEs โดยเฉพาะ ภาษาเข้าใจง่าย จุดประกายไอเดีย ช่วยผู้ประกอบการสร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *